JUBILE : กับการเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่!!!
หลังจากที่ขี้เกียจ ไปพักใหญ่ ๆ ก็ถึงเวลาต้องกลับมาเขียนบทความต่อ – –
ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามากดไลน์ กดแชร์ มากๆ ครับ ถือเป็นกำลังใจให้คนทำเพจมาก ๆ
ก่อนหน้านี้ ผมอยากลองเปลี่ยนมาทำเป็นสื่อวีดีโอบ้าง เผื่อจะผลิตงานได้เร็วกว่าเขียน
แต่ก็ยังไม่ได้ลองทำซักที บางที่อาจจะช้ากว่าเดิมก็เป็นด้ายยย 555
ปีนี้น่าจะเป็นอีกปีที่การลงทุนไม่ง่าย ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก
การจะหาบริษัทที่โตได้แบบระเบิดตามสเปคที่ตั้งไว้ไม่ใช่งานง่าย ๆ
แต่กระนั้น, ก็ยังพอมีบริษัทที่มีหน่วยก้านดี พอที่จะเอาตัวรอดในสภาวะเช่นนี้เสมอ
หนึ่งในบริษัทที่ทำได้คือ JUBILE
จริง ๆ อยากเขียนถึงบริษัทนี้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อว่าจะโตได้ต่อเนื่องทั้งปี
แต่งบ Q3 ที่ออกมาก็ถือว่าทำได้ดีต่อเนื่องเหนือความคาดหมาย
JUBILE ทำอะไร?
ธุรกิจหลักของ jubile อธิบายง่าย ๆ คือ เป็นร้านขายเพชร ที่เปิดแบบเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า
ตอนนี้มี 130 สาขา มีฐานลูกค้าประมาณ 160,000 คน
กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ปีนี้ยังโตต่อเนื่อง?
การได้ลูกค้ากลุ่มคนมิลเลเนียม
กลุ่มคนมิลเลเนียม( อายุประมาณ 18-29 ปี เกิดปี 2000 เป็นต้นไป) ที่มาของลูกค้ากลุ่มนี้มาจากงานวิจัยของ
de beers (ที่ไม่ได้ขายเบียร์) ในจีน (ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของโลก ประกอบด้วย USA, จีน, ญี่ปุ่น, อินเดีย)
ซึ่งกลุ่ม young millennials ในจีน เติบโตได้ดีมากในตลาดจีน คาดว่าเกิดจากการที่คนรุ่นเก่าซื้อเพชรเพื่อเป็น
สินทรัพย์ ขณะที่คนรุ่นใหม่มองว่าเพชรเป็นของขวัญที่บ่งบอกความเป็นตัวตน บ่งบอกความสำเร็จในตัวเองใน
โอกาสต่าง ๆ เช่น รับปริญญา หรือ เรียนจบ ซึ่งบริษัทมองเห็นว่าเป็น trend ของโลก เนื่องจากเห็นว่าโลก
ปัจจุบันมันแบนขึ้น
บริษัทจึงได้ร่วมกับ บริษัท line crop ออกเป็น collection ชื่อ JUBILE LINE FRINES Collection
โดยนำ character line (Brown, Cony, Choco, Sally) ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ชอบ มาทำเป็นเครื่องประดับ(สร้อยข้อ
มือ, จี้, กำไร, แหวน) ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้
collection นี้เริ่ม 3 ต.ค. ที่ผ่านมา (รอดูงบ Q4 เต็มๆ ผบห.บอกว่า margin กลุ่มนี้ใกล้เคียงกับ product อื่น ๆ
แต่เป็นการได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ เพื่อต่อยอดในอนาคต) ผลตอบรับที่ได้ถือว่าตรงกลุ่มเป้าหมาย
ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ขณะที่ลูกค้าเก่าก็ชอบ
การรักษาลูกค้าเก่า? ระบบสมาชิกของ jubile?
สมาชิกจะมีคะแนนสะสม ใช้เป็นส่วนลดหรือเอาคะแนนไปแลกเป็นเครื่องประดับได้ (คะแนนมีอายุ 2 ปี)
เช่น 50,000 คะแนน แลกเป็นเงิน 500 บาท
(แต่ในเดือนตุลาคม ก็มี campaign เดือน 10 ให้คะแนนสะสมมีค่า 10 เท่า จาก 500 เป็น 5,000 บาท)
นอกจากนี้สมาชิกสามารถเอาเครื่องประดับมาซ่อมหรือเปลี่ยนได้ในราคาเท่าเดิมหรือราคาที่แพงกว่าเดิม
(อิงราคาจากวันที่ซื้อ เช่น แหวนราคา 20,000 บาท ซื้อมาแล้ว 10 ปี บริษัทหักค่าเสื่อม 10% 2,000 บาท
เฉลี่ยปีละ 200 บาท)
เป้าหมายปีนี้?
ต้นปีตั้งเป้ายอดขายโต 5-8% (ผ่าน 9 เดือนรายได้โต 15%)
ทั้งปีตั้งเป้าโตไม่น้อยกว่า 10%
สาเหตุที่โตคือโตจาก SSSG ที่โต 10% จากการขายได้ volumn ที่เพิ่มขึ้นซึ่งมาจากจำนวนลูกค้าที่มากขึ้น
Demand – Supply ของเพชร
ผบห.บอกว่าตั้งที่ที่ทำมา 17-18 ปี มีปี 2009 ปีเดียวที่ราคาเพชรตกลง เนื่องจาก demand ลด ผู้ผลิตมีการเอา
เพชรบางขนาดออกมาขาย ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ 2 เดือน หลังจากนั้นราคาก็ปรับขึ้น
demand เพชรแต่ละ สี size เกรด ไม่เท่ากัน บาง spec ราคาอาจปรับตัวได้เร็วกว่าตัวอื่น
แต่สามารถดู demand จาก size หรือ สี ที่คนจีนหรือคนสหรัฐนิยม
(De beers ประเมินราคาเพชรปี 2019-2023 ยังเติบโตต่อเนื่อง )
Supply จำกัด เพราะเพชรเกิดจากธรรมชาติ ไม่สามารถผลิตเองได้
(ก่อนหน้านี้ได้เคยออก collection ฉลอง 90 ปี โดยใช้เพชร 90 เหลี่ยม
ซึ่งเห็นความแตกต่างของประกายได้
ด้วยตาเปล่า ประกายจะมากกว่าปกติ 60% )
โอกาสที่จะโดน Disruption?
บริษัทไม่รู้ว่าอะไรจะมา disrupt ได้ แต่สิ่งที่ทำคือพยายามสร้าง brand ให้แข็งแกร่งไว้ก่อน
ก่อนหน้านี้ออก collection jubile i-moment
ใช้เพชรเก็บข้อมูลรูปภาพหรือวีดีโอ ที่เป็นความทรงจำในโอกาสพิเศษได้
(ใช้ app ส่องไปที่เพชร แล้วรูปภาพหรือวีดีโอจะขึ้น ข้อมูลจากผบห. )
ความท้าทายใหม่?
จากเดิมธุรกิจร้านดั้งเดิม JUBILE เป็นผู้บุกเบิกเคาน์เตอร์เพชรและการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด
ความท้าทายใหม่ ๆ ต่อจากนี้คือ การหารูปแบบใหม่ ๆ ที่จะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่
สรุป
บทความนี้ผมอาจจะไม่ได้เน้นตัวเลขมาก
แต่อยากลองสรุปไปที่กลยุทธ์หรือส่วนอื่น ๆ ของบริษัทดูบ้าง 🙂
โดยรวมถือว่าเป็นบริษัทที่ทำได้ดีในปีนี้(ถ้าไม่มีอะไรพลิกล็อกใน Q4)
ที่เห็นได้ชัดคือความขยัน และพยายามปรับตัวของบริษัท
ขณะที่ผบห.ก็ให้ข้อมูลและ ออก oopday สม่ำเสมอ สามารถติดตามได้ไม่ยาก
——- มิสเตอร์หุ้นเด้ง ——-
